เผยโฉม INDIAN ROADMASTER ELITE ปี 2019

เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับมอเตอร์ไซค์ Touring ที่จะผลิตเพียง 200 คันเท่านั้น ทั้งยังมาพร้อมกับระบบเสียง 600 วัตต์ และหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว และเครื่องยนต์ที่อัพเกรดทำงานเป็นเครื่องยนต์สามสเตจ โดย Roadmaster Elite รุ่น Limited-Edition ของ Indian Motorcycle โมเดลนี้ จะอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์เกรดพรีเมียมมากมาย เช่นเดียวกับงานสีที่ใช้การเพ้นท์ด้วยมือรวมถึงการประดับด้วยทองคำแท้ 24 กะรัตทั้งคัน ซึ่งงานเพ้นต์นี้ใช้เวลาเกือบๆ 30 ชั่วโมงต่อหนึ่งคันเลยทีเดียว

โมเดลปี 2019 จะได้รับการอัพเกรดไประบบเสียง 600 วัตต์ PowerBand™ Audio Plus ที่ให้เสียงคมชัดและดังขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีสปีกเกอร์ฝังไว้ที่แฟริ่ง กล่องสัมภาระ และกล่องท้าย โดยระบบ PowerBand™ Audio Plus จะได้ระบบ nine-band dynamic equalizer มาคอยปรับความถี่ของเสียงแบบอัตโนมัติ ให้เหมาะกับความเร็วแต่ละระดับของรถ ขึ้นอยู่กับกระแสลม และเสียงของเครื่องยนต์

นอกจากเครื่องยนต์ Powerful Thunder Stroke® 111 ที่สร้างแรงบิดได้ 119 ฟุต-ปอนด์ได้อย่างหน้าประทับใจแล้ว ยังมีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้ามาดังนี้

โหมดการขี่ที่สามารถเลือกใช้งานได้

2019 Indian Roadmaster Elite จะมีโหมดการขี่ให้เลือกใช้งานสามโหมด ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดทัวร์ และโหมดสปอร์ต ซึ่งแต่ละโหมดจะมี throttle map เป็นของตัวเองซึ่งการตอบสนองต่อคันเร่งก็จะแตกต่างกันด้วยเช่นกัน

ระบบ Rear Cylinder Deactivation

ระบบที่จะช่วยระบายความร้อนเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนถึง 59 องศาฟาเรนไฮต์ (15 องศาเซลเซียส) ระบบนี้จะเริ่มทำงานโดยการหยุดการทำงานของลูกสูบตัวหลังเมื่อที่รถจอดสนิทแล้ว ซึ่งลูกสูบจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อมีการเปิดคันเร่งเพื่อทำความเร็ว

Ride Command

ระบบ Ride command ของ Indian Motorcycle เป็นระบบ Infotainment ที่ใหญ่ที่สุด รวดเร็วที่สุด มีลูกเล่นให้ปรับแต่งได้มากที่สุดในวงการสองล้อ ด้วยหน้าจอความกว้าง 7 นิ้วที่รองกรับการสัมผัสขณะที่ใส่ถุงมือ ประกอบด้วยฟีเจอร์ต่างๆเช่น turn-by-turn navigation หน้าจอcustomizable rider information การเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งจะสามารถสั่งการผ่านแอพพลิเคชัน Ride command บนสมาร์ธโฟนได้เช่นกัน นอกจากนี้นักขี่ยังสามรถวางแผนและบันทึกเส้นทางผ่านระบบนี้ได้อีกด้วย

อุปกรณ์มาตรฐานของ 2019 Indian Roadmaster Elite ประกอบไปด้วย ไฟ LED เบาะหนังแท้พร้อมฮีตเตอร์สำหรับทั้งนักขี่และผู้โดยสาร ระบบเบรก ABS ฮีตกริป ระบบ Keyless ignition ปุ่มรับระดับวินด์ชีลด์ เพิ่มความสามารถทุกสภาพอากาศ กล่องสัมภาระสั่งการด้วยรีโมท กล่องท้ายที่สามารถเก็บหมวกกันน็อกแบบ full face ได้สองใบ ซึ่งความจุรวมกล่องสัมภาระของโมเดลนี้จะอยู่ที่ 37 แกลลอน ส่วนการอัพเกรดสมรรถนะสำหรับโมเดลนี้ได้แก่ ระบบท่อไอเสีย Thunder Stroke® Stage 1 Performance Air Intake, Thunder Stroke® Stage 2 Performance Cams และ ชุด Big Bore 116ci Stage 3 สำหรับนักขี่ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะสำหรับมอเตอร์ไซค์ touring ขณะที่แฮนเดิลบาร์แบบ mid-rise ช่วยให้นักขี่สามารถทำระยะได้ไกลขึ้น ชุดสีWildfire Red Candy และ Thunder Black Crystal กับวงล้อหน้าขนาด 19 นิ้วก็ช่วยให้มอเตอร์ไซค์ touring รุ่นจำกัดจำนวนที่มีราคาเริ่มต้น 36,999 ดอลลาร์โมเดลนี้มีโฉมที่ดุดันและสง่างามในเวลาเดียวกัน

——
ที่มา… motorcycle.com